วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567

๑๑๑ ปีเมืองเบตง ความงดงามที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

 22 ธ.ค. 2560 23:25 น.    เข้าชม 4855

      “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” คือคำขวัญของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่บ่งบอกถึงความงดงามของอำเภอใต้สุดของประเทศไทย ดินแดนที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ และมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสัญลักษณ์อยู่อย่างมากมาย และความสวยงามทางพหุวัฒนธรรมที่หากได้สัมผัสแล้วคุณจะหลงรักที่นี่มากขึ้น

      ภูมิประเทศของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ตั้งอยู่ในหุบเขา มีลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ทะเลหมอกที่สวยที่สุดของภาคใต้ที่อัยเยอร์เวง เป็นที่ชื่นชมของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย และยังมีบ่อน้ำพุร้อนเบตงเป็นบ่อน้ำร้อนในธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีแร่ธาตุมากมายที่เชื่อว่าสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่นโรคผิวหนัง โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกด้วย เช่น อุโมงค์ปิยมิตร ซึ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การสู้รบของกลุ่มคอมมิวนิสต์มลายา       ไม่เพียงแต่แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คน แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่มีความน่าสนใจเป็นอันมาก ดินแดนปลายด้ามขวานแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม อีกทั้งมีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนลงตัว ทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตอย่างเป็นเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์ของวิถีชีวิตเบตง บรรยากาศยามเช้าของเมืองเบตงคึกคักไปด้วยการทำมาค้าขาย ทั้งตลาดอาหารสด หรืออาหารเช้าทั้งแบบจีน ไทย มุสลิม มีทั้ง น้ำชา กาแฟ ติ่มซำ บะหมี่ขาว ข้าวยำ ฯลฯ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และคนจีน อุดหนุนอาหารซึ่งกันและกัน ๑๑๑ ปี เล่าขานสันติสุข

      ปัจจุบัน ถ้าเราได้ไปเที่ยวอำเภอเบตง นอกจากจะสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนได้จากชีวิตจริงในชุมชนแล้ว ยังพบเห็นรูปภาพที่สื่อเรื่องราววิถีชีวิตแบบชาวเบตง ถ่ายทอดเป็นผลงานจิตรกรรมบนท้องถนนในทุกหนทุกแห่ง สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้กับเมืองเล็กๆ แห่งนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก ในภาพวาดจะมีทั้งเรื่องราวอดีตและปัจจุบันของชาวเบตรง เป็นการวาดภาพเนื่องในโอกาส ๑๑๑ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง วัตถุประสงค์ของงานต้องการเผยแพร่อัตลักษณ์ของเบตง เลข ๑๑๑ แฝงด้วยความหมายที่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอเบตง ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน  ๑ ตัวแรกได้แก่ ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณหอนาฬิกาใจกลางเมือง ๑ ตัวที่สอง หมายถึง อำเภอเบตงเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย อำเภอเบตงเป็นอำเภอเดียวในประเทศไทยที่มีป้ายทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอ ภายในงานมีการจัดแสดงแสงสีเสียง และเมืองจำลองย้อนยุค ที่เล่าถึงเมืองเบตงในสมัยก่อน ซึ่งมีทั้งที่ว่าการอำเภอ ร้านตัดผม ร้านค้าต่างๆ มากมายที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของคนเบตงในอดีต บริเวณโดยรอบเมืองเบตง มีการวาดภาพศิลปะบนกำแพงขึ้นเพื่อเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของเมืองเบตง นอกจากเหล่าศิลปินที่มาวาดภาพเหล่านี้ ยังวาดภาพสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่อำเภอเบตง ทั้งหมด ๑๑๑ ภาพและมอบให้กับอำเภอเบตงเพื่อจัดประมูลภาพให้กับประชาชนที่สนใจ

เล่าเรื่องราวด้วยจิตรกรรมบนท้องถนน       ภาพวาดต่างๆ ที่แสดงอยู่บนกำแพง ถูกวาดขึ้น ๑๗ จุด ด้วยกันโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และศิลปินอิสระจากทั่วประเทศ กว่า ๖๐ชีวิต ในแต่ละภาพแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนเบตง ได้แก่ วัฒนธรรมการดื่มน้ำชาในยามเช้า ตลาดพืชผักสวนครัวยามเช้า สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง เช่น แมวที่พี่น้องมุสลิมเบตงนิยมเลี้ยงกันแทบทุกบ้าน ไก่พันธุ์เบตงขึ้นชื่อ กบภูเขาสัตว์เศรษฐกิจของเมืองเบตง และยังมีภาพ ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลาดยามเช้า และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้คนที่มาเยือนสามารถทำความรู้จักเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเบตงได้เกือบทั้งหมดจากภาพวาดเหล่านี้ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสื่อให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมของคนเบตง ทำให้ภูมิทัศน์ของเมืองมีสีสันมากขึ้น โดยศิลปินจะตีความจากจินตนาการและบริบทของพื้นที่ ใช้ทั้งเทคนิคการวาดและการพ่นสีแบบกราฟิติ ถ่ายทอดออกมาได้ยังงดงาม อบอุ่น แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ภาพวาดเหล่านี้จะเป็นบทบันทึกตัวแทนความทรงจำที่งดงาม

      ศิลปะบนกำแพงเหล่านี้สื่อถึงบรรยากาศอันอบอุ่น ของเมืองเบตงที่พร้อมต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือน  นอกจากจะอาศัยความร่วมมือของศิลปินและหน่วยราชการในพื้นที่ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือความร่วมมือของคนในพื้นที่ เจ้าของตึก ห้างร้านต่างๆ ที่อนุญาตให้ศิลปินเข้าไปวาดภาพบนกำแพงหรือผนังตึก ไม่เพียงแต่ให้พื้นที่ในการวาดภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจเตรียมน้ำและขนมมาให้ศิลปิน ทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเอง และผู้ประกอบการร้านรวงต่างๆ ก็ได้ประโยชน์จากภาพวาดเหล่านี้ที่กลายเป็นแลนด์มาร์ค  ที่ดึงดูดให้คนมาเยี่ยมชมถ่ายรูป สร้างกระแสตอบรับอย่างคึกคัก

ความงามภายนอกและความงามภายใน

      อำเภอเบตงจึงเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ความงดงามของธรรมชาติ อากาศดี อาหารอร่อย ผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า ๑๑๑ปี    อย่างสันติสุข เกื้อกูล ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความงดงามภายในและภายนอกที่เราควรจะไปสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ความคิดเห็น