วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567

ยาใจของแผ่นดิน โครงการพระราชดำริฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียว

 6 มี.ค. 2561 22:27 น.    เข้าชม 2956

อย่ามาพูดเรื่องกำไรขาดทุนกับฉันนะ ฉันต้องการให้คนจนมีงานทำมากๆ ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน เพราะการที่ทำให้คนยากจนในชุมชนนั้นๆ มีงานทำ พวกเขามีรายได้ มีเงินเลี้ยงครอบครัว ไม่ต้องไปเป็นโจร ไม่ต้องไปเป็นขโมย ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ไม่ไปเผาป่า ตำบลนั้น อำเภอนั้น จังหวัดนั้น สิ่งนั้นก็คือกำไรของแผ่นดิน” พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ       ไม่ว่าพระราชดำรัสนี้จะผ่านไปยาวนานเพียงไหน ก็ยังซาบซึ้ง และติดตรึงอยู่ในหัวใจของผู้ที่ได้รับฟังทุกคน และเป็นความโชคดีของชาวไทยทุกคนที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีพระเจ้าแผ่นดิน และพระราชินีที่ทรงมีแต่ให้ และจากพระราชดำรัสนี้ได้สะท้อนออกมาเป็นพระราชกรณียกิจต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือ โครงการพระราชดำริฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียว ตำบลท่าข้าม อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี จากป่าเสื่อมโทรมสู่ฟาร์มตัวอย่าง

      เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม .. 2546 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในเวลานั้น ไปเยี่ยมราษฎร ณ วัดสำเภาเชย อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พร้อมกันนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปตรวจสภาพบริเวณพื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์ “ป่าตาเขียว” บ้านพรุนอก ตำบลบ้านกลาง - ตำบลท่าข้าม อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พื้นที่ประมาณ 540 ไร่ เพื่อทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศ สภาพดิน และสภาพแหล่งน้ำ เพื่อทรงนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริ พระองค์ทรงพบว่าพื้นที่ป่าตาเขียวนั้น มีสภาพเป็นดินทรายจัด ขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก ทั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งโครงการฟาร์มตัวอย่างแห่งนี้ขึ้นมา ความว่า “ก็ดีถ้ามีที่ดินที่มีความพร้อมจะได้ทำฟาร์มตัวอย่าง ซึ่งเป็นสถานที่จ้างแรงงาน และแนะแนวการประกอบอาชีพให้ราษฎร” ทั้งนี้ ก็เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ครอบครัวประสบภัยจากสถานการณ์รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และราษฎรที่ยากจนเข้ามาเป็นสมาชิก       การจัดตั้งโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าตาเขียวแห่งนี้ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงห่วงใย และไม่ทอดทิ้งประชาชนของพระองค์ พื้นที่โครงการ 90 % เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านถือครองมาก่อนแล้ว และชาวบ้านในพื้นที่นี้ได้บริจาคที่ดินให้กับโครงการ วัตถุประสงค์หลักของโครงการพระราชดำริฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียว คือ เป็นแหล่งอาหารปลอดภัยให้กับชุมชน เป็นแหล่งจ้างงาน ให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดีขึ้น นอกจากวัตถุประสงค์ของฟาร์มตัวอย่างที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ประกอบอาชีพมีงานทำแล้ว อีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงตั้งศูนย์นี้ขึ้นมา ก็คือเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรสำหรับประชาชนและผู้สนใจทั่วไป       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในเวลานั้น ทรงเสด็จมาเยี่ยมโครงการถึง 3 ครั้ง ครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2550 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อทรงติดตามการดำเนินงานโครงการฯ และทอดพระเนตรกิจกรรมต่าง ๆ และทรงรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโครงการ และได้พระราชทานพระราชดำริแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ เกี่ยวกับความสำคัญของป่าไม้ และหัวใจของโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ สรุปความ ดังนี้ “ป่าควรรักษาไว้ ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเคยบอกว่าถ้าจะทำอ่างเก็บน้ำ หรือ แหล่งเก็บกักน้ำต้องมีป่าสนับสนุน มิฉะนั้นน้ำจะแห้ง ต่อไปในอนาคตน้ำจะขาดแคลน จะเกิดการแย่งน้ำ”หัวใจของฟาร์มตัวอย่างฯ สำคัญที่ว่าคนมีงานทำ และได้ความรู้ไปทำที่บ้านของตัวเองนี่ ดีที่สุด สิ่งที่จำเป็นคือเราต้องสร้างงานให้คน อีก ๒๐ ปี ประชากรโลกจะอดอยาก และจะเกิดสงครามแย่งชิงอาหาร การทำฟาร์มตัวอย่างฯ จะเป็นแหล่งอาหาร ทำให้คนสามารถพึ่งตนเองได้” แหล่งการเรียนรู้เศรษฐศาสตร์ชุมชน

      ตำบลท่าข้าม และตำบลกลาง ถือเป็นชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ของ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง และทำการเกษตร ดังนั้นการจัดตั้งโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าตาเขียว จึงมีประชาชนให้ความสนใจ และเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ลักษณะโดดเด่นของฟาร์มนี้ คือ มีชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิมทำงานร่วมกันด้วยความสามัคคี       สมาชิกของฟาร์มพระราชดำริบ้านป่าตาเขียวนี้ประกอบด้วย ประชาชนจากหมู่บ้านใกล้เคียงที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลาม ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเรื่องของการทำมาหาเลี้ยงชีพทั้งสิ้น พวกเขาทั้งหลายประสบปัญหาเดียวกัน คือ ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพนอกพื้นที่ได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถที่ทรงสร้างฟาร์มแห่งนี้ขึ้นมา ทำให้พวกเขาได้มาทำงานร่วมกันด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัย เห็นอกเห็นใจกัน เฉกเช่นพี่น้องครอบครัวเดียวกัน       ฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียวนี้ มีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ มีการดำเนินงานในโครงการทั้งการปลูกพืชผัก การทำไร่ โดยหลักการผลิตของฟาร์มจะใช้หลักการตลาดนำการผลิต โดยดูว่าพืชผลชนิดไหนขายดีแต่จะต้องไม่เป็นคู่แข่งกับชาวบ้านใกล้เคียง เพราะวัตถุประสงค์โครงการคือ อยากให้ชาวบ้านกลับไปทำที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการเพาะเห็ด รวมถึงปศุสัตว์ อย่างการเลี้ยงแพะเนื้อ แพะนม เลี้ยงกวาง เลี้ยงโคที่มาจากโครงการไถ่ชีวิต กิจกรรมการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และกิจกรรมประมง มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่การเลี้ยงปลาทับทิม ปลาดุก และกบนา มีกิจกรรมแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ข้าวเกรียบปลาทับทิม ข้าวเกรียบเห็ดนางฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีของฟาร์ม ตลอดถึง การทำไข่เค็ม น้ำอ้อยสด น้ำกระเจี๊ยบ และการรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรในพื้นที่มาแปรรูป เช่น มะพร้าวน้ำหอม นำมาทำน้ำมะพร้าวจำหน่าย เป็นต้น ที่สำคัญในทุกขั้นตอนของการเพาะปลูก และการเลี้ยงดูผลผลิตของฟาร์มนั้น ทางโครงการได้จัดเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้มาให้ข้อมูลความรู้กับชาวบ้าน ในการดูแล รวมถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย และการแปรรูปผลผลิตทุกอย่าง ดำเนินการภายใต้การดูแลของฟาร์มทั้งสิ้น และทุกการดำเนินการที่เกิดขึ้นในฟาร์มแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพระปณิธานของ แม่ของแผ่นดินที่ต้องการให้โครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านป่าตาเขียวแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารรวมไปถึงเป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพได้อย่างแท้จริง ยาใจของแผ่นดิน       นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีพระราชเสาวนีย์ในการจัดหาพื้นที่สร้างโครงการฟาร์มตัวอย่างให้กับชาวบ้าน นับจากวันก่อตั้งฟาร์มตัวอย่างจนถึงวันนี้ ผ่านไปแล้ว 13 ปี มีประชาชนได้รับความช่วยเหลือกว่า 300 ครัวเรือน ประชาชนในพื้นที่ อำเภอปะนาเระ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบมากขึ้น ชาวบ้านมีอาชีพเลี้ยงตนไม่ต้องเสี่ยงออกนอกพื้นที่ สามารถส่งลูกหลานเล่าเรียนได้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่แม่ของแผ่นดินทรงมีให้กับพสกนิกรของพระองค์       แม้เหตุการณ์ความไม่สงบจะนำความสูญเสียมาให้ แต่โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็ได้คอยเยียวยาแผลใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เพราะเชื่อว่าสักวันแผลที่ใหญ่นั้นจะค่อยๆ จางหาย และลบเลือนไปด้วยยาใจของแผ่นดินที่ทุกพระองค์พระราชทานให้กับประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้

ความคิดเห็น