ปัจจัยแห่งความสำเร็จประการแรกในการทำสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ให้เป็นรูปธรรม ก็คือ “การตั้งเป้าหมาย” เพราะการตั้งเป้าหมาย จะนำไปสู่การประเมินว่า ณ ปัจจุบัน เราอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายมากน้อยเพียงใด เมื่อเราทราบแล้วว่า เราอยู่ห่างจากเป้าหมายแค่ไหน จะทำให้เราสามารถวางแผนไปสู่เป้าหมายในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเป้าหมายนั้นเป็นเรื่องของการพัฒนาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสันติสุขในระดับที่เหมาะสมได้อย่างยั่งยืน สังคมซึ่งหมายถึงผู้คน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องกลับมาถามตนเอง หรือ ให้คำจำกัดความกับคำว่า “สันติสุขที่เหมาะสมได้อย่างยั่งยืน” ที่ต้องการนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ณ ปัจจุบันนี้ ระดับสันติสุข อยู่ในระดับไหน และ จะก้าวไปสู่ หรือ พัฒนาไปสู่ “สังคมสันติสุข ภายใต้ความเป็นพหุวัฒนธรรมได้อย่างยั่งยืน” ตามที่ต้องการได้อย่างไร
งานศึกษาวิจัย “รูปแบบการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง (3 จชต.)
เพื่อค้นหาคำตอบดังกล่าวอย่างเป็นระบบ จึงได้เกิดการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ขึ้น โดยงานศึกษาวิจัยนี้ มีชื่อว่า “รูปแบบการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง (3 จชต.)”
งานศึกษาวิจัยนี้ จะให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลใน 2 ประเด็น ได้แก่ 1) อะไรคือสภาพความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตามแนวยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิสังคมเศรษฐกิจในอนาคต และ 2) รูปแบบในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง (3 จชต.) ตามแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิสังคมเศรษฐกิจในอนาคตเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะมีรูปแบบอย่างไร
ความต้องการของผู้คนในสังคมคือจุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้นในการหาคำตอบจากคำถามข้างต้นจะต้องเริ่มจากผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง นั่นก็คือ “ผู้คน” ซึ่งประกอบไปประชาชนในพื้นที่ องค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และนักธุรกิจ การหาคำตอบจะใช้ทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 144 คน (เชิงคุณภาพ) และการใช้แบบสอบถาม กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน (เชิงปริมาณ) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบสอบถาม จะถูกนำมาวิเคราะห์ตามหลักสถิติศาสตร์ เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ
คำตอบที่ได้จากการสัมภาษณ์ (เชิงคุณภาพ)
จากการสัมภาษณ์ พบว่า ผู้คนใน 3 จชต. ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และมีสันติสุข ภายใต้ความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม โดยมีผู้นำที่ดูแลเอาใจใส่ประชาชน มีการจัดระบบการศึกษา ที่มุ่งต่อเยาวชน มีการบำรุงศาสนา การปลอดยาเสพติด มีคุณภาพชีวิตที่ดี สภาพแวดล้อมที่ดีของเมือง มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน การพัฒนาใด ๆ ตามนโยบาย หรือ แผนใด ๆ ของรัฐบาลจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับประชาชน
โดยในรายละเอียดของความต้องการข้างต้น จะมีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อยตามสภาพภูมิสังคมของแต่ละจังหวัด (ยะลา, ปัตตานี และนราธิวาส)
การทำให้ความต้องการข้างต้นเกิดขึ้นได้ จะต้องให้ความสำคัญกับการปรับสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้มีภูมิทัศน์ที่ดี และมีความปลอดภัยในการดำรงชีวิตประจำวัน การเป็นเมืองแห่งการศึกษา และการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมของศาสนาอิสลาม
คำตอบที่ได้จากแบบสอบถาม (เชิงปริมาณ)
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม พบว่าประชาชนให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต มากกว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยสังคมหรือชุมชนต้องมีความสามัคคี การอยู่ร่วมกันทำงานอย่างมีความสุข มีความรักในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยประชาชนต้องให้รัฐสร้างความมั่นใจในเรื่องระบบการสนับสนุนงานพัฒนาของประชารัฐ และระบบการรักษาความปลอดภัยให้เกิดกับประชาชน
การทำให้ความต้องการข้างต้นเกิดขึ้นได้ จะต้องให้ความสำคัญกับการพึ่งตนเอง การพัฒนาต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน มีความเรียบง่ายและประหยัด สภาพภูมิสังคม การส่งเสริมความรู้ และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสม และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตามลำดับ การพัฒนาข้างต้นให้เกิดความยั่งยืนนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับ การอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
จะต้องสอดคล้องกับลักษณะทางภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ บนพื้นฐานของการมีความสุขร่วมกันในบริบทของพหุวัฒนธรรม
รูปแบบการขับเคลื่อนไปสู่สังคมสันติสุข พหุวัฒนธรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
จากสรุปผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการขับเคลื่อนสังคม จชต. ไปสู่การเป็น “สังคมสันติสุข พหุวัฒนธรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (ดังแสดงในรูป) จะต้องให้ความสำคัญกับ “การพัฒนาคุณภาพชีวิต” และ “ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน” ที่ดำเนินการโดยภาครัฐ แต่ต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน จะเกิดขึ้นได้ด้วย การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในรูปแบบใหม่, ความมีอิสระในเชิงวัฒนธรรมภายใต้กรอบกฎหมายของรัฐ การอยู่ร่วมกันในรูปแบบสังคมพหุวัฒนธรรม, การพัฒนาคุณภาพชีวิตรูปแบบใหม่, การเป็นศูนย์กลางทางศาสนา และการศึกษา, การท่องเที่ยวเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่
หลักสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การพึ่งตนเอง โดยการพัฒนาจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนเน้นความเรียบง่าย และประหยัด และต้องสอดคล้องกับภูมิสังคม
การดำเนินการพัฒนาตามแนวทางข้างต้นจะนำไปสู่การสร้างสังคมสันติสุข พหุวัฒนธรรม ที่ยั่งยืน สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะทางกายภาพของพื้นที่ ปัญหาสำคัญในพื้นที่ และเพื่อให้ประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีแนวคิดในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่สังคมของตนเอง ในการก้าวสู่การเป็น “สังคมแห่งสันติสุข ภายใต้ความงดงามของพหุวัฒนธรรม และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน” อย่างแท้จริง
การสร้างสังคม ๆ หนึ่ง ให้เป็นไปในรูปแบบที่ต้องการในอนาคตนั้น จะต้องรู้ว่า ณ ปัจจุบัน สังคมนั้นอยู่ ณ จุดใดเมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต และการที่จะค้นหาคำตอบดังกล่าวจะต้องอาศัยการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบมาเป็นเครื่องมือในการหาคำตอบ
ในทำนองเดียวกัน การสร้างสังคมแห่งสันติสุข ที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรม ให้สามารถพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ได้มีการทำงานศึกษาวิจัย “รูปแบบการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง (3 จชต.)” มาใช้ค้นหาแนวทางที่เป็นระบบเพื่อนำไปสู่สถานะที่ต้องการ และแนวทางนั้นก็คือ “รูปแบบการขับเคลื่อนไปสู่สังคมสันติสุข พหุวัฒนธรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ผู้เกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสภาวะแห่ง “สังคมสันติสุข พหุวัฒนธรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”
ความคิดเห็น